เคาะสเปค iPad Pro 2021 รุ่นท็อปสุด ราคาเฉียดแสน ข้อเสียมีไหม? น่าลงทุนแค่ไหน ??
เปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อคืนวันที่ 20 เมษายน 2021 ที่ผ่านมา กับ iPad Pro 2021 เรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าสาวกอยู่ไม่น้อย กับสเปคที่โหดสุดๆ และราคาก็โหดไม่แพ้กันสำหรับรุ่นท็อป ความจุ 2TB ที่ราคาพุ่งสูงสุดที่ 81,400 บาท
iPad Pro 2021 มีกำหนดให้สั่งซื้อล่วงหน้าได้ในประเทศไทยวันที่ 30 เมษายน และจะเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคมนี้
ไฮไลท์ที่น่าสนใจสำหรับ iPad Pro 2021 ในคราวนี้ จะไปอยู่ในรุ่น 12.9 เป็นส่วนใหญ่ โดยราคาเริ่มต้น สำหรับรุ่น 12.9 นี้ จะอยู่ที่ 37,900
ใครที่ยังลังเลว่า จะลงทุนกับ iPad Pro 2021 ในรอบนี้เลยดีไหม? วันนี้โฟกัสจะวิเคราะห์ให้ทั้งข้อดี และข้อเสีย เพื่อช่วยในการตัดสินใจครับ
iPad Pro 2021 เปลี่ยนจาก USB-C เป็น USB 4 Thunderbolt
ถือว่าเป็นเรื่องดีเลยทีเดียวครับ สำหรับสาย Pro ที่ต้องการความรวดเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์รูปภาพขนาดย่อมๆ ไปจนถึงวิดีโอความละเอียดระดับ 6K
โดยพอร์ต Thunderbolt ตัวนี้ สามารถใช้งานร่วมกับ USB-C ที่มีอยู่เดิมได้ และสามารถนำไปใช้กับตัว iPad Pro รุ่นอื่นๆ ได้ (แต่ความเร็วจะลดลง) ส่วนข้อเสียนั้น ค่อนข้างคาดเดาได้ยาก คงต้องขึ้นอยู่กับการใช้งานที่ตัวเครื่องจริงเป็นหลัก ว่าทางวิศวกรและนักพัฒนา จะดึงประสิทธิภาพออกมาได้ดีมากน้อยแค่ไหน
iPad Pro 2021 ใช้ชิป M1 แบบเดียวกับ Macbook M1 ทั้งไลน์
สาวก Pro หลายคนเฝ้ารอและกรีดร้องกับความไปสุดของ Apple ในครั้งนี้มากๆ ครับ กับการใช้ชิป M1 ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ iMac ตัวท็อปราคาแสนกลางๆ! โดยชิปตัวนี้ จัดเต็มทั้งเรื่องการเรนเดอร์ การตัดต่อวิดีโอใน Final Cut ที่ได้ไฟล์ Export คุณภาพใกล้เคียงกับ iMac เลยทีเดียว
ชิป M1 ยังช่วยให้ iPad Pro 2021 ประมวลผลเร็วขึ้น 50% และประมวลค่ากราฟิกเร็วขึ้น 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เรียกว่าข้อมูลนี้น่าเชื่อถือและมีความเป็นไปได้สูง ที่จะได้ประสิทธิภาพอย่างที่ใครหลายๆ คนวาดฝัน แม้จะอยู่ใน iPad ก็ตาม ที่เหลือนั้นคงต้องรอดูเกี่ยวกับตัวแอพพลิเคชั่น และการเรียกใช้งานฟังก์ชั่นอื่นๆ ภายในตัวเครื่องกันต่อ
iPad Pro 2021 มีขนาดตัวเครื่องที่หนาขึ้น 0.5 mm เมื่อเทียบกับ iPad Pro 2020
หลายคนอาจจะมองว่ามันเพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้เป็นปัญหาต่อการใช้งานมากนัก แต่สำหรับใครที่เป็นสาวก iPad มาเนิ่นนาน การเพิ่มความหนาขึ้น จะหมายถึงการเพิ่มน้ำหนักของตัวเครื่องที่มากขึ้น และคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีน้อยคนที่จะเปลือยเครื่องถือกันเปล่าๆ จะต้องมีการใส่เคสกันกระแทกเพิ่มเข้าไปอีกชั้น ทำให้เราอาจจะรู้สึกว่ามันพกพาลำบากไปบ้างเล็กน้อยสำหรับรุ่นนี้
ข้อดีของการที่ตัวเครื่องหนาขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า ก็หมายความว่าตัวเครื่องจะเกิดการหักงอได้ยากกว่านั่นเองครับ
สำหรับใครที่กังวลว่า แล้วถ้าต้องติดกระจกกันรอยเพิ่มเข้าไปอีก จะหนากว่าเดิมมากแค่ไหน? กระจกกันรอยสำหรับ iPad Pro 2021 ของโฟกัส มีความหนาเพียง 0.2 mm เมื่อติดแล้วจะแนบสนิทไปกับหน้าจอ จนแทบไม่เห็นความแตกต่าง แต่ได้ความแข็งแรงของหน้าจอที่มากขึ้น
iPad Pro 2021 มาพร้อมกับเทคโนโลยี Mini-LED และหน้าจอแบบ Liquid Retina XDR
ความพิเศษของ LED ขนาดเล็กที่มีมากถึง 10,000 ดวงใต้หน้าจอ ก็คือสามารถกระจายแสงใด้ในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการับชมคอนเทนต์ความบันเทิงในรูปแบบไหน ก็ไม่ต้องคอยพลิกหามุมที่อีกต่อไป สามารถปรับแสงตามประเภทของคอนเทนต์ที่เรารับชมได้อย่างแม่นยำ เริ่มต้น 1,000 nits และสูงสุดที่ 1,600 nits เพื่อให้ได้อัตราส่วน 1M : 1 เมื่อรวมกับสีสันที่สมจริงแบบ True Tone ของหน้าจอแบบ Liquid Retina XDR เราจึงได้ภาพที่สมจริงที่สุดเท่าที่แท็บเลตรุ่นไหนๆ เคยมีมา ต่อให้ติดกระจกกันรอยทับลงไป สีสันก็ไม่ดรอปแน่นอน
ถ้าชอบความสดใสและคมชัด และอยากได้การปกป้องหน้าจอด้วย แอดมินแนะนำเป็นการติด “กระจกกันรอยแบบใส สำหรับ iPad Pro 2021” ครับ นอกจากจะแข็งแรงระดับ 9H กันรอยขีดข่วนได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ตัวกระจกยังมีความใส ไม่ลดทอนความคมชัด เหมือนเราได้สัมผัสบนหน้าจอจริงๆ
สรุปให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คือทั้งสองตัวนี้ จะทำให้เราได้หน้าจอสว่างกว่า iPad รุ่นอื่นๆ เห็นสีดำที่เข้มขึ้น ลึกขึ้น แถมยังกินไฟน้อยกว่าด้วยครับ แต่น่าเสียดาย ที่ความเจ๋งเหล่านี้ ใส่มาให้แค่ในรุ่น 12.9 เท่านั้น
ซึ่งข้อเสีย ก็อย่างที่เราพอจะเดากันได้ การที่หน้าจอมีค่าเริ่มต้นแสงสว่างที่สูงขนาดนี้ การใช้งานอาจไม่สบายตาเท่าที่ควร รวมไปถึงเรื่องการใช้งานกลางแจ้ง แบบแดดประเทศไทย ย่อมเกิดปัญหาแสงสะท้อนตามมาแน่ๆ
หากกังวลเรื่องว่าจะเกิดแสงสะท้อนเวลาใช้งานกลางแจ้ง กระจกกันรอยอีกรุ่นที่แอดอยากแนะนำ ก็คือ “กระจกกันรอยแบบด้าน สำหรับ iPad Pro 2021” ครับ ตัวนี้นอกจากจะลดการเกิดแสงสะท้อนแล้ว ยังป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือ และคราบมันต่างๆ บนหน้าจอด้วย
iPad Pro 2021 รองรับ 5G แบบ MMWave
นี่ก็เป็นอีกจุดที่ iPad Pro รุ่นนี้ทำออกมาได้ดี แต่ก็เป็นทั้งข้อดี และข้อเสียในเวลาเดียวกัน การที่ iPad Pro 2021 มีการรองรับสัญญาณ 5G แบบ MMWave เพิ่มเข้ามา รวมกับการใช้ชิปตัวแรงเข้ามาเป็นตัวช่วยในข้างต้น ก็จะทำให้การประมวลผล การดาวน์โหลดต่างๆ รวดเร็วขึ้นกว่า iPad รุ่นอื่นๆ มากเข้าไปอีก เช่น การดาวน์โหลดหนัง ความคมชัดแบบ 4k ความยาว 1 ชม. iPad Pro 2021 สามารถทำให้คุณดาวน์โหลดได้ไวเพียง 6 วินาที
แต่ในขณะเดียวกัน ในประเทศไทย ก็ไม่ได้มีสัญญาณ 5G แบบ MMWave ครอบคลุมทั้งหมด หากคุณอยู่ในเขตหัวเมือง หรือในกรุงเทพมหานคร แน่นอนว่าหาเจอได้ไม่ยาก แต่ถ้าคุณอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณดังกล่าว การดาวน์โหลดต่างๆ ก็จะให้ความไวในแบบที่ตัวเครื่องจะทำให้เราได้เท่านั้น ส่วนจะมีเรื่องของการกินแบตเตอรี่ หรือเครื่องร้อนหรือไม่นั้น คงต่อรอหลังจากได้ทดลองใช้งานกันอีกที
อย่าตกหลุมพรางความมินิมอล ของ Magic Keyboard
เชื่อว่ามีหลายคนที่กำลังตัดสินใจซื้อ Magic Keyboard สีขาวสุดมินิมอลตัวใหม่นี้กันอยู่ใช่ไหมครับ ซึ่งไม่มีข้อโต้แย้งในเรื่องความสะดวกในการใช้งาน และนี่ก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการทำงานของใครหลายๆ คนด้วย
แต่ ถ้าคุณไม่อยากมากังวลกับการรักษาของมากกว่าที่ควรจะเป็น ขอแนะนำว่าควรเลือกซื้อเป็นแบบสีดำเบสิคมากกว่าครับ ใครที่ยังไม่เคยใช้งานเจ้า Magic Keyboard นี่มาก่อน ต้องขอบอกว่าวัสดุของเค้าเนี่ย ทำมาจากซิลิโคน ที่ค่อนข้างจะเกิดริ้วรอยได้ง่ายมาก ซึ่งเมื่อเกิดริ้วรอยแล้วมันก็ยากต่อการทำให้หายไปแบบสุดๆ อีกทั้งตัววัสดุ ก็ไม่ได้มีการเคลือบสารกันเลอะเอาไว้ ถ้าเป็นสีดำ ก็อาจจะเห็นเป็นคราบขาวๆ เช็ดออกได้ไม่มีปัญหา แต่หากเป็นสีขาวขึ้นมา แอดรับรองว่าคุณจะได้ทั้งคราบดำ คราบเหลือง ที่เห็นได้ชัดเจนอย่างแน่นอน
แต่ถ้าใครชอบความมินิมอล และไม่ได้มีปัญหากับการทำความสะอาดที่บ่อยหน่อย ก็สามารถใช้ได้ครับ
การเลือกซื้อสมาร์ทโฟนหรือแท็บเลตให้ตัวเองสักเครื่องนั้น ไม่มีถูกไม่มีผิดนะครับ อยู่ที่วัตถุประสงค์ในการใช้งาน และความพึงพอใจส่วนตัวเป็นหลัก ทั้งหมดก็เป็นเพียงข้อมูลส่วนนึงที่โฟกัสได้ทำการรวบรวม และนำมาวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย ตามความน่าจะเป็นในการใช้งานจริงเท่านั้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว แบบไหนจะดีไม่ดี ก็คงต้องอยู่ที่การทดลองใช้ด้วยตัวเองครับ