ฟิล์มโฟกัส ฟิล์มกระจกกันรอย Focus Film

Cover-Article-Focus-iPadAir5-vs-iPadAir4

เปรียบเทียบ iPad Air 5 VS Air 4 อัพเกรดอะไรมาบ้าง? ควรเลือกซื้อแบบไหน?

ในงาน Apple Event Peek Performance 2022 ครั้งนี้ ก็ได้มีการเปิดตัว iPad Air 5 ออกมาให้สาวก Apple ได้จับจองกัน ซึ่งหลายๆ คนที่กำลังจับตารอเสียทรัพย์กันอยู่อาจจะกำลังสงสัยว่า แล้ว iPad Air 5 ได้มีการอัพเกรดสเปคในส่วนไหนขึ้นมาบ้าง และแตกต่างจาก iPad Air 4 ยังไง คุ้มค่าที่จะซื้อ หรือรุ่นเดิมยังน่าสนใจอยู่ วันนี้โฟกัสจะมาสรุปสเปคที่น่าสนใจ และไฮไลท์ที่สำคัญของ iPad Air 5 ให้ทุกคนดูกันครับ

Peek-Performance-Feature-2022

สเปค iPad Air 5

  • หน้าจอ : Liquid Retina IPS LCD, 10.9 นิ้ว, 1640 x 2360 pixels 
  • สี : เทาสเปซเกรย์, สตาร์ไลท์, ชมพู, ม่วง, ฟ้า
  • หน่วยประมวลผล : Apple M1
  • ระบบปฏิบัติการ : iPadOS 15.4
  • กล้องหลัง – 12 MP, f/1.8, (wide), dual pixel PDAF 
  • กล้องหน้า – 12 MP, f/2.4, 122˚ (ultrawide)
  • RAM : 8GB 
  • ROM – 64GB, 256GB
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 6, 5G
  • แบตเตอรี่ : Li-Ion (28.6 Wh) ดูวิดีโอได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง
  • รองรับ Apple Pencil 2
  • สิ่งที่มาในกล่อง : สายชาร์จไฟประเภท USB-C, อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 20 วัตต์
ipad-air-5-2022-colors

สีใหม่สุดว้าว แต่ดีไซน์เหมือนเดิมเป๊ะ

Apple ยังคงดีไซน์ภายนอกของ iPad Air 5 เหมือน iPad Air 4 เช่นเดิมทั้งในเรื่องของหน้าจอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว, พอร์ตชาร์จ Type-C และยืนยันตัวตนด้วยการสแกน Touch ID โดยมีแค่สี เทาสเปซเกรย์ ที่เหมือนรุ่น iPad Air 4 นอกนั้นจะเป็นสีที่ได้มีการเพิ่มและเปลี่ยนเฉดใหม่ คือสี สตาร์ไลท์, ชมพู, ม่วง และ ฟ้า นั่นเอง

iPad-Air-5-Center-Stage-Feature

อัพเกรดสเปคกล้อง เพิ่ม Center Stage เข้ามา

ส่วนสเปคกล้องหน้า ได้มีการอัปเกรดเป็นแบบอัลตร้าไวด์ ความละเอียด 12MP และเพิ่มฟีเจอร์ “Center Stage” ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษที่จะทำให้กล้องแพนตามการเคลื่อนไหวของผู้ใช้โดยอัตโนมัติเพื่อให้ผู้ใช้อยู่ในเฟรมเสมอ และถ้ามีคนอื่นมาร่วมด้วย กล้องก็สามารถตรวจจับได้ และซูมออกทันที เพื่อปรับให้ทุกคนสามารถอยู่ในกล้องได้

Apples-iPad-Air-5-chipset-M1-Focus

ประสิทธิภาพแบบก้าวกระโดด มาพร้อมขุมพลังระดับ iPad Pro

และไฮไลท์สำคัญของ iPad Air 5 คือการเปลี่ยนมาใช้ชิปเซ็ต M1 ซึ่งเป็นขุมพลังเดียวกันกับที่ใช้ใน iPad Pro ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลได้เร็วขึ้นถึง 60% มีประสิทธิภาพด้านกราฟฟิกที่เร็วขึ้นถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับ iPad Air 4 และยังช่วยประหยัดพลังงาน ให้สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานยิ่งขึ้น ดังนั้นหากต้องทำงานที่ต้องใช้พลังในการประมวลผลหนักๆ อย่างเช่น การตัดต่อวิดีโอระดับ 4K หรือ เล่นเกมที่ภาพกราฟิกหนักๆ ก็สามารถใช้งานได้แบบลื่นไหลสุดๆ

เปรียบเทียบสเปคระหว่าง iPad Air 5 และ iPad Air 4

 

iPad Air 5

iPad Air 4

หน้าจอ

จอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว

จอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว

ระบบประมวลผล

M1

A14 Bionic

สี

เทาสเปซเกรย์, สตาร์ไลท์, ชมพู, ม่วง, ฟ้า

เทาสเปซเกรย์, เงิน, โรสโกลด์, เขียว, สกายบลู

กล้องหลัง

กล้องไวด์ ความละเอียด 12MP

กล้องไวด์ ความละเอียด 12MP

กล้องหน้า

อัลตร้าไวด์ ความละเอียด 12MP

FaceTime HD ความละเอียด 7 MP

แบตเตอรี่

ดูวิดีโอได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง

ดูวิดีโอได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง

การยืนยันตัวตน

Touch ID

Touch ID

ความจุ

64GB, 256GB

64GB, 256GB

Apple Pencil

รุ่นที่ 2

รุ่นที่ 2

ระบบการเชื่อมต่อ

Bluetooth 5.0, Wifi 6, 5G

Bluetooth 5.0, Wifi 6, 4G

USB

Type-C

Type-C

ความจุและราคา

โดย iPad Air 5 มีความจุ และราคาดังนี้ 

รุ่น Wi-Fi

ความจุ 64GB ราคา 20,900 บาท

ความจุ 256GB ราคา 25,900 บาท

รุ่น Wi-Fi + Cellular

ความจุ 64GB ราคา 25,900 บาท

ความจุ 256GB ราคา 30,900 บาท

ซึ่งจากการสรุปสเปค และเปรียบเทียบความแตกต่างกันเรียบร้อยแล้ว สรุปควรเลือกซื้อตัวไหนดี? หากใครต้องใช้ไอแพดทำงานหรือเล่นเกมที่ต้องมีการประมวลผลหนักๆ หรือมีการประชุมโดยใช้กล้องหน้าตลอด และอยากได้ลุคที่ดู Professional มากยิ่งขึ้นจากฟีเจอร์ตัวกล้องหน้า iPad Air 5 ก็ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการแน่นอน รวมถึงคนที่ต้องการเปลี่ยนรุ่นไอแพดแบบก้าวกระโดด ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าด้วยเช่นกัน

แต่ถ้าหากต้องการไอแพดที่สามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล อย่างการใช้จดโน๊ตหรือดูหนังทั่วไป ไม่ได้ใช้ทำงานตัดต่อหรือวาดรูปที่มีภาพกราฟฟิกหนักๆ พกพาได้สะดวก ในราคาที่เข้าถึงได้ iPad Air 4 ก็ถือว่าตอบโจทย์และเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว

ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ สามารถตัดสินใจซื้อ iPad กันได้ง่ายขึ้นนะครับ และหากใครที่เลือกแล้วว่าจะซื้อ iPad รุ่นไหน ก็เตรียมซื้อฟิล์มกระจกกันรอยโฟกัส รอติดพร้อมวันรับเครื่องได้เลยนะครับ เพื่อความอุ่นใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้งาน ให้สามารถทัชและขีดเขียนบนหน้าจอได้แบบเต็มที่กันนะครับ โดยราคาฟิล์มกระจก iPad Air เริ่มต้นที่ 439 บาท มีให้เลือกทั้งแบบใส, แบบด้าน และแบบกระจกเนื้อกระดาษ รองรับทุกรูปแบบการใช้งาน สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ด้านล่างนี้ พร้อมจัดส่งฟรี และบริการติดฟรีที่ Focus Shop ทุกสาขา

apple-ipad-air-5-spec-overall

สินค้าที่เกี่ยวข้อง