ฟิล์มโฟกัส ฟิล์มกระจกกันรอย Focus Film

iPad Air 6 vs iPad Air 7 แตกต่างกันตรงไหน ควรเลือกซื้อรุ่นไหนดี?

“iPad Air 7 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ! มาพร้อมชิป M3 และจอใหญ่ 13 นิ้ว – คุ้มค่ากว่าเดิมหรือไม่?”

Apple เปิดตัว iPad Air 7 (Gen 7) อย่างเป็นทางการ โดยมาพร้อม ชิป M3 ที่แรงขึ้น และ ตัวเลือกหน้าจอ 13 นิ้วเป็นครั้งแรก พร้อมรองรับ Apple Pencil Pro และ Magic Keyboard รุ่นใหม่ แต่เมื่อเทียบกับ iPad Air 6 (Gen 6) แล้ว ควรอัปเกรดหรือไม่? มาดูการเปรียบเทียบแบบละเอียดกัน

คุณสมบัติ iPad Air 6 (Gen 6) iPad Air 7 (Gen 7)
หน้าจอ 10.9 นิ้ว Liquid Retina 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว Liquid Retina
ชิปประมวลผล Apple M1 Apple M3 (เร็วขึ้น)
กล้องหลัง 12MP 12MP (ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง)
กล้องหน้า 12MP (Ultra Wide) รองรับ Center Stage 12MP (Ultra Wide) รองรับ Center Stage
การรองรับปากกา Apple Pencil 2 รองรับ Apple Pencil 2 และ Apple Pencil Pro
คีย์บอร์ดที่รองรับ Magic Keyboard Magic Keyboard ใหม่ (เหมือน iPad Pro)
พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C (10Gbps) USB-C (เร็วขึ้น รองรับอุปกรณ์เสริมมากขึ้น)
ราคา ปัจจุบันลดลงหลังมีข่าว iPad Air 7 ราคาเปิดตัวใกล้เคียงเดิม แต่อาจแพงขึ้นสำหรับรุ่น 13 นิ้ว
เหมาะกับใคร? คนที่ต้องการ iPad คุ้มค่าในราคาประหยัด คนที่ต้องการ หน้าจอใหญ่ขึ้น + ชิป M3 ที่แรงขึ้น

หน้าจอ: จอใหญ่ขึ้น มองเห็นได้กว้างขึ้น

หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของ iPad Air 7 คือการเพิ่มตัวเลือกขนาด 13 นิ้ว ทำให้ iPad Air มีพื้นที่ใช้งานมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการจอใหญ่เพื่อทำงาน เช่น นักออกแบบกราฟิก หรือคนที่ใช้ iPad เป็นอุปกรณ์หลักในการทำงาน ทั้งนี้หน้าจอของ iPad Air 7 ยังคงเป็น Liquid Retina เหมือนรุ่นก่อน รองรับ True Tone และ P3 Wide Color ทำให้สีสันยังคงคมชัดเหมือนเดิม

ในขณะที่ iPad Air 6 มีหน้าจอขนาด 10.9 นิ้ว ซึ่งยังถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หากคุณไม่ได้ต้องการจอที่ใหญ่ขึ้น การใช้ iPad Air 6 ก็ยังตอบโจทย์การใช้งานได้ดี

ชิปประมวลผล: อัปเกรดเป็น M3 แรงขึ้นแค่ไหน?

iPad Air 7 มาพร้อม ชิป M3 ซึ่งเป็นชิปที่เร็วกว่า M1 ของ iPad Air 6 อย่างชัดเจน โดยเฉพาะด้านกราฟิก เพราะ M3 มี GPU แบบใหม่ ที่รองรับ Dynamic Caching และ Ray Tracing ซึ่งช่วยให้การทำงานด้านกราฟิกและเกมมีคุณภาพสูงขึ้น

หากคุณใช้ iPad เพื่อ ตัดต่อวิดีโอ, ทำงานออกแบบ 3D หรือเล่นเกมที่ต้องใช้กราฟิกสูง iPad Air 7 จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า แต่หากใช้งานทั่วไป เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ทำงานเอกสาร หรือเล่นเกมพื้นฐาน iPad Air 6 ยังคงแรงพอสำหรับการใช้งานแบบไม่หนักมาก

กล้อง: เปลี่ยนแค่ตำแหน่งแต่ฟีเจอร์แทบไม่ต่าง

ในเรื่องของกล้อง iPad Air 7 ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนักจาก iPad Air 6 ยังคงมาพร้อม กล้องหลัง 12MP และ กล้องหน้า 12MP Ultra Wide ที่รองรับฟีเจอร์ Center Stage เพื่อช่วยให้การประชุมออนไลน์ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ตำแหน่งของกล้องหน้า ที่ย้ายไปอยู่ตรงกลางแนวนอน ซึ่งช่วยให้การประชุมผ่าน Zoom, Google Meet หรือ FaceTime ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ต้องเอียงเครื่องเหมือนเดิม

รองรับ Apple Pencil และอุปกรณ์เสริม: อัปเกรดเพื่อคนทำงานจริงจัง

iPad Air 7 ได้เพิ่มการรองรับ Apple Pencil Pro ซึ่งเป็นปากการุ่นใหม่ที่มาพร้อม เซ็นเซอร์บีบ (Squeeze Gesture), ระบบ Haptic Feedback และการเอียงหรือหมุนเพื่อควบคุมเส้น เหมาะกับนักออกแบบและคนที่ใช้ iPad ในการสร้างสรรค์งานมากขึ้น

นอกจากนี้ Magic Keyboard รุ่นใหม่ ที่ออกแบบให้ใกล้เคียงกับ MacBook มากขึ้นก็ทำให้ iPad Air 7 เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับการทำงานจริงจังมากกว่า iPad Air 6 ที่รองรับแค่ Magic Keyboard รุ่นเดิม

พอร์ตเชื่อมต่อและการรองรับอุปกรณ์เสริม: USB-C เร็วขึ้น

iPad Air 7 ยังคงใช้ USB-C เหมือนกับ iPad Air 6 แต่ Apple ระบุว่าพอร์ต USB-C ของ iPad Air 7 เร็วขึ้น และรองรับการเชื่อมต่อกับจอภายนอกได้ดีขึ้น

สำหรับคนที่ต้องการใช้ iPad เชื่อมต่อกับ หน้าจอ 6K, ฮาร์ดไดรฟ์ หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ iPad Air 7 จะให้ประสบการณ์ที่ดีกว่า ในขณะที่ iPad Air 6 ยังคงรองรับอุปกรณ์ทั่วไปได้ดี แต่มีข้อจำกัดเรื่องความเร็วของพอร์ต

สินค้าที่เกี่ยวข้อง