ในครึ่งปีหลัง ปี 2020 จะเห็นได้ว่ามีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ออกมามากมาย จนตามข่าวกันแทบไม่ทันเลยครับ และหนึ่งในนั้นก็รวมเหล่าสมาร์ทโฟนน้องเล็ก ราคาไม่ถึงหมื่นด้วย แต่น้องเล็กเดี๋ยวนี้ ไม่ได้มีดีแค่ราคาอีกต่อไปแล้วล่ะครับ เพราะหลายๆรุ่น ก็ใส่สเปคอัดแน่นมาแบบเน้นๆ เช่นเดียวกับ OPPO A53 เครื่องนี้
โดน Oppo A53 เครื่องนี้ที่มาพร้อมกับหน้าจอ 90Hz Neo ขนาด 6.5 นิ้ว ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 460 มาพร้อม AI 3 กล้องหลัง กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ใหญ่จุใจ 5,000mAh พร้อมระบบชาร์จไว 18W ในราคาน่ารักสบายกระเป๋าสุดๆ เพียง 5,499 บาท เท่านั้น!
เรียกว่ามีงบแค่ 6,000 ซื้อมือถือเครื่องนี้ก็ยังมีทอนครับ เหลือเงินไว้ซื้อแอคเซสเซอรี่เพิ่มเติมอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นเคส หรือกระจกกันรอย โดยเฉพาะ “ กระจกกันรอยโฟกัสสำหรับ OPPO A53 ” ที่ราคาแค่ 159 บาท เท่านั้นเอง งบไม่บานปลาย คุณสมบัติก็คุ้มค่าคุ้มราคามากๆ
สเปคของ OPPO A53
- ขนาดตัวเครื่อง : 16.39 x 7.51 x 0.84 เซนติเมตร
- น้ำหนัก : 186 กรัม
- หน้าจอแสดงผล : IPS-LCD กว้าง 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600×720 พิกเซล) อัตราส่วน 20:9, อัตรา Refresh Rate 90Hz และรอยแหว่งแบบจอเจาะรู
- ชิปเซ็ต : Qualcomm Snapdragon 460 ความเร็ว 1.8GHz
- ชิปกราฟฟิก : Adreno 610
- RAM : 4GB แบบ LPDDR4x
- ROM : 64GB แบบ UFS 2.1 เพิ่ม MicroSD Card ได้สูงสุด 256GB
- ระบบปฏิบัติการ : ColorOS 7.2 บนพื้นฐาน Android 10
- กล้องหลัง 3 เลนส์
– เลนส์หลัก ความละเอียด 13MP รูรับแสง f/2.2
– เลนส์ Depth ความละเอียด 2MP รูรับแสง f/2.4
– เลนส์ Macro ความละเอียด 2MP รูรับแสง f/2.4 - กล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- เครือข่าย : 4G / 3G / 2G และรองรับซิม Nano SIM 2 ช่อง
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 2.4 / 5G, Bluetooth 5.0, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ต USB Type-C
- ระบบเสียง : ลำโพงคู่ สนับสนุน SBC, AAC, aptX HD, และ LDAC
- ระบบความปลอดภัย : สแกนลายนิ้วมือที่ฝาหลัง
- แบตเตอรี่ : 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 18W
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- เครื่อง OPPO A53
- อะแดปเตอร์
- สาย USB Type-C
- เคสซิลิโคนกันรอย
- เหล็กถอดซิม
- คู่มือ
- ใบรับประกัน
รูปลักษณ์ภายนอก/การออกแบบ
OPPO A53 ออกแบบตัวเครื่องให้มีลักษณะโค้งมน แบบ 3 มิติ (3D curved) ด้านหลังไล่เฉดสีสวยงาม เล่นแสง โดยจะมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีฟ้า Fancy Blue และสีดำ Electric Black
และถึงแม้แบตเตอรี่จะมีขนาดใหญ่ ตัวเครื่องก็ยังมีความเพรียวบาง จับได้กระชับมือ ทั้งนี้สำหรับใครที่มือเล็กๆ อาจจะใช้งานมือเดียวได้ลำบากเล็กน้อยนะครับ เพราะหน้าจอจะมีความกว้างอยู่พอสมควร (6.5 นิ้ว) แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเมื่อยมือ เพราะน้ำหนักโดยรวมเรียกได้ว่าเบามากๆ ครับ
เค้าให้ระบบการสแกนนิ้วมือที่หลังตัวเครื่องมาให้ด้วย ปลดล็อกได้ไว ไม่หน่วง บันทึกลายนิ้วมือเพิ่มเติมเผื่อฉุกเฉินได้ครับ
จอแสดงผลของ OPPO A53 ใช้พาแนล IPS-LCD หน้าจอ Neo-Display ความละเอียด HD+ พร้อมค่า Refresh Rate สูงสุด 90Hz ทำให้เวลาเราไถฟีด การแสดงผลบนหน้าจอจะตอบสนองเร็วขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเล่นเกม ไถฟีดเร็วๆ เวลาเล่นโซเชียล อ่านนิยายออนไลน์ ก็ไม่มีสะดุด
แต่ถ้าใครไปลองเล่นแล้ว ยังลื่นไม่สะใจ ก็เสริมความลื่นด้วย “กระจกกันรอยแบบใส” ของโฟกัสได้นะครับ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า นอกจากช่วยป้องกันหน้าจอจากรอยขีดข่วนแล้ว กระจกกันรอยของโฟกัส ยังมีการเคลือบโค้ทติ้งพิเศษ ที่ช่วยให้การสัมผัสบนหน้าจอไหลลื่นมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ตัวโค้ทติ้งนี้จะช่วยลดการเกิดรอยนิ้วมือ และยังทำความสะอาดง่ายด้วยครับ น้ำหยด คราบมันบนหน้าจอ หรือสิ่งสกปรกไหนๆ ก็เช็ดออกได้ หายห่วง
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมแบบ 3 Slots รองรับ Nano SIM จำนวน 2 ช่อง และ MicroSD Card อีก 1 ช่อง ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ซึ่งสีและผิวของเครื่องจะไล่เฉดสีแบบเดียวกันกับตัวเครื่องครับ
บริเวณด้านล่าง ทาง OPPO ยังคงให้ช่องเสียบหูฟัง แบบ 3.5 mm มาเช่นเคยครับ แต่ตัวหูฟังไม่ได้มีแถมมาให้ในกล่อง อาจต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเล็กน้อยในส่วนนี้นะครับ ส่วนช่องเสียบสายชาร์จ เป็นแบบ Type-C อันนี้ในกล่องมีแถมมาให้พร้อมอะแดปเตอร์ (ตามในภาพอุปกรณ์ภายในกล่องที่ด้านบนเลย)
หน้าจอ/การแสดงผล
ต้องบอกว่า OPPO A53 ตัวนี้ ให้สีสันของภาพที่สดใสกว่ารุ่นอื่นๆ ในไลน์เดียวกันอย่างชัดเจนเลยครับ และยังให้ความสว่างที่พอดี ไม่มืดเกินไป ไม่สว่างจ้าจนเกินไป ให้รายละเอียดของภาพและวิดีโอที่คมชัด เรียกว่าสดใสตั้งแต่ปลดล็อกไปเจอไอคอนต่างๆ ที่หน้าจอแล้ว!
แต่ถ้าใครไม่ชอบที่หน้าจอสว่างๆ เค้าก็มี “Dark Mode” มาให้เราใช้ครับ ปรับตั้งค่าได้ทันที เพียงเท่านี้จากหน้าเมนูสีขาวแสบตา ก็จะเข้าสู่โทนสีดำทันที
หน่วยความจำ/หน่วยประมวลผล
OPPO A53 ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 460 พร้อมกับ RAM 4GB แบบ LPDDR4x และ ROM 64GB แบบ UFS 2.1 และด้วยการทำงานร่วมกันของฮาร์ดแวร์กับหน่วยความจำขนาดใหญ่แบบนี้นะครับ จึงทำให้ OPPO A53 มีความรวดเร็วในการเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่น นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกอย่าง MicroSD Card ได้สูงสุด 256GB เก็บภาพ วิดีโอ รวมถึงไฟล์ต่างๆ ได้มากขึ้น เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน ใครชอบดาวน์โหลดหนัง ดาวโหลดเพลง หรือแม้แต่ดาวน์โหลดเกม ก็สามารถดาวโหลดกันได้แบบจุใจ ไม่ต้องกลัวเครื่องจะทำงานช้าแล้วล่ะครับ
OPPO A53 ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ ColorOS 7.2 บนพื้นฐาน Android 10 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุด มีฟังก์ชั่นที่หลากหลาย สามารถปรับแต่งหน้าตา UI รวมถึง Icon ต่างๆ ได้ตามความต้องการ เพื่อการใช้งานที่ตรงกับไลฟ์สไตล์
กล้องหน้า/หลัง
กล้องหน้าของ OPPO A53 เครื่องนี้ อยู่ที่ส่วนบนของหน้าจอครับ โดยจะมีรอยเจาะ Neo-Display อยู่มุมซ้าย ความละเอียดอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซล ให้ความคมชัดของภาพถ่ายเซลฟี่ได้เป็นอย่างดี ไม่เป็นวุ้น ไม่หลอกตา มาพร้อมกับ AI Beauty Mode ปรับผิวกระจ่างใส เรียบเนียนได้ตามใจ ตามแบบฉบับ OPPO แต่ถ้าใครที่ไม่อยากใช้โหมดนี้ ก็เลือกปิดการใช้งานได้เช่นกันครับ
สำหรับกล้องหลังของ OPPO A53 จะให้กล้องมาถึง 3 เลนส์ด้วยกันครับ (AI Triple Camera) ประกอบด้วย
- เลนส์หลัก 13 ล้านพิกเซล
- เลนส์มาโคร 2 ล้านพิกเซล
- เลนส์โบเก้ 2 ล้านพิกเซล
และนี่คือจุดเด่นที่น่าสนใจของ OPPO A53 ที่แอดคัดมาเพื่อเป็นประโยชน์กับการตัดสินใจของใครหลายๆ คนนะครับ แต่ถ้าใครยังไม่จุใจ อยากเห็นแบบภาพเคลื่อนไหว เห็นมุมต่างๆ ของตัวเครื่องแบบชัดเจน พร้อมการทดสอบฟีเจอร์อื่นๆ เพิ่มเติม ก็คลิกชมที่วิดีโอด้านล่างได้เลย!
ใครมีเครื่องแล้ว อย่าลืมปกป้องหน้าจอของ OPPO A53 ด้วย กระจกกันรอยคุณภาพดี อย่าง กระจกกันรอยโฟกัส นะครับ เพื่อการใช้งานที่เต็มที่ และรักษาตัวเครื่องให้อยู่กับเราไปนานๆ ซื้อวันนี้ แถมฟรี! ฟิล์มหลังแบบด้าน เพิ่มสัมผัสให้หรูหรา พรีเมี่ยมกว่าเดิม เพิ่มเติมคือป้องกันตัวเครื่องได้แบบครอบคลุม!