iPhone 16 Pro Max ติดฟิล์มโฟกัส ฟิล์มกระจกกันรอย Focus Film

ข่าวลือใหม่ iPhone 13 เผยสเปค ชิป A15 Bionic จอ Promotion รอยบากเล็กลง คาดราคาเริ่ม 25,900.-

จากการคาดการณ์ว่าอาจจะมีจะมีการเปิดตัว iPhone 13 ในวันที่ 14 กันยายน 2021 ในงาน Apple Event ที่จะถึงนี้ เหล่าสาวกคงตั้งหน้าตั้งตารอกันแล้ว จากหลายข่าวลือที่ออกมา ไม่ว่าจะด้วยเรื่อสเปค เรื่องสี วันนี้เรามาอัพเดทข้อมูลล่าสุดกันอีกทีนะครับว่ามีอะไรกันบ้าง 

 

ไทม์ไลน์วันเปิดตัวและการวางจำหน่าย

ไทม์ไลน์วันเปิดตัวและวางขายของ IPhone 13 ที่หลุดออกมาก็มีดังนี้ครับ

14 กันยายน 2021 – วันเปิดตัว iPhone 13
17 กันยายน 2021 – วันพรีออเดอร์ iPhone 13
24 กันยายน 2021 – วันวางขาย iPhone 13

นอกจากนี้ แหล่งข่าวเผยว่ายอดสั่งซื้อ iPhone 13 Series ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 130 – 150 ล้านเครื่อง ซึ่ง Apple ตั้งเป้าให้ iPhone 13 รุ่นธรรมดาเป็นตัวขายดีสุดในซีรีส์ด้วย

ก่อนจะถึงงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ก็มีข่าวลือเกี่ยวกับสเปคของ iPhone 13  จากนักวิเคราะห์ออกมามากมายเลยครับ เรามาดูการคาดการณ์นี้กันว่ามีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง

 

iPhone 13 จะยังปล่อยออกมา 4 รุ่นเหมือนเดิม 

จากรายงานของ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ผู้มีความเชี่ยวชาญด้าน Apple เป็นพิเศษ ได้เผยเอาไว้แบบชัดเจนว่า iPhone 13 Series รุ่นต่อไป จะยังมี 4 รุ่นเหมือนเดิม ได้แก่

  • iPhone 13 mini
  • iPhone 13
  • iPhone 13 Pro
  • iPhone 13 Pro Max

 

สเปก iPhone 13 mini และ iPhone 13

หน้าจอ

  • iPhone 13 mini : ขนาด 5.4 นิ้ว แบบ OLED
  • iPhone 13 : ขนาด 6.1 นิ้ว แบบ OLED
  • จอบากขนาดเล็กลง
  • รองรับ Face ID เวอร์ชัน 2.0
  • ชิปประมวลผล Apple A15 Bionic
  • รองรับ Wi-Fi 6E
  • กล้องด้านหลังดีไซน์ใหม่ จัดเรียงแบบแนวทแยง (Diagonal Camera)
  • อัปเกรดเลนส์ Ultra Wide รูรับแสงกว้าง F/1.8
  • เพิ่ม Portrait Mode สำหรับวิดีโอ

แบตเตอรี่

  • iPhone 13 mini : ขนาด 2,406 mAh
  • iPhone 13 : ขนาด 3,095 mAh
  • รองรับชาร์จไวขนาด 25W
  • พื้นที่จัดเก็บในตัวเครื่องขนาด 64 GB, 128 GB หรือ 256 GB

ราคา

  • iPhone 13 mini เริ่มต้นที่ $699 (ราคาในไทย 25,900 บาท)
  • iPhone 13 เริ่มต้นที่ $799 (ราคาในไทย 29,900 บาท)
  • วันวางจำหน่าย 24 กันยายนนี้ (ในกลุ่มประเทศแรก)

 

 

สเปก iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max

หน้าจอ

  • iPhone 13 Pro : ขนาด 6.1 นิ้ว แบบ OLED
  • iPhone 13 Pro Max : ขนาด 6.7 นิ้ว แบบ OLED
  • หน้าจอแบบ 120Hz ProMotion
  • รองรับฟีเจอร์ Always-On Display
  • จอบากขนาดเล็กลง
  • รองรับ Face ID เวอร์ชัน 2.0
  • ชิปประมวลผล Apple A15 Bionic
  • รองรับ Wi-Fi 6E
  • ฟีเจอร์ ProRes สำหรับวิดีโอ
  • อัปเกรดเลนส์ Ultra Wide รูรับแสงกว้าง F/1.8
  • เพิ่ม Portrait Mode สำหรับวิดีโอ

แบตเตอรี่

  • iPhone 13 Pro : ขนาด 3,095 mAh
  • iPhone 13 Pro Max : ขนาด 4,352 mAh
  • รองรับชาร์จไวขนาด 25W
  • พื้นที่จัดเก็บในตัวเครื่องขนาด 128 GB, 512 GB หรือ 1 TB

ราคา

  • iPhone 13 Pro เริ่มต้นที่ $999 (ราคาในไทย 36,900 บาท)
  • iPhone 13 Pro Max เริ่มต้นที่ $1,099 (ราคาในไทย 39,900 บาท)
  • วันวางจำหน่าย 24 กันยายนนี้ (ในกลุ่มประเทศแรก)

 

นอกจากนี้ MacRumors ก็ได้มีรายงานข้อมูลอัปเดตข่าวลือ iPhone 13 จาก Twitter บัญชีชื่อ PineLeaks ไว้โดยสรุป ดังนี้ครับ

  • iPhone 13 ราคาพอ ๆ กับรุ่นเดิม
  • iPhone 13 mini แบตใช้งานเพิ่มขึ้น 1 ชม.
  • iPhone 13 Pro Max แบตใหญ่กว่าเดิม 18-20%
  • iPhone 13, iPhone 13 Pro ใช้ชิ้นส่วนแบตเหมือนรุ่นก่อนหน้า แต่แบตใหญ่ขึ้น 10%
  • แบต iPhone 13 Pro หมดไวกว่า iPhone 13 เพราะจอ ProMotion 120Hz
  • จอ ProMotion 120Hz มีใน iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max
  • จอ ProMotion จะปรับลงเหลือ 60Hz หากเปิด Low Power Mode
  • iPhone 13 Pro Max มีฟีเจอร์พิเศษที่ iPhone 13 Pro ไม่มี
  • ทุกรุ่นขยายเซ็นเซอร์รับแสงเพิ่ม 15%, มีการปรับปรุงเซ็นเซอร์กล้อง Ultra-Wide ครั้งใหญ่ รับแสงเพิ่ม 40%
  • กล้องรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Portrait ใช้กันสั่นแบบ EIS
  • Night Mode รองรับการถ่ายดวงดาวได้ดีขึ้น

แต่ก็มีการคาดการณ์กันต่อมาว่า ถ้าดูจากยอดขายของ iPhone 12 mini ที่ทำรายได้ไม่ค่อยดีนัก ก็มีความเป็นไปได้ว่า iPhone 13 mini ที่วางจำหน่ายในปีนี้ จะเป็นมือถือจอเล็กรุ่นสุดท้ายของ Apple ครับ

 

iPhone 13 จะมาพร้อมกับหน้าจอ 120Hz

นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์กันไว้ว่า iPhone 13 รอบนี้มีรอยบากขนาดเล็กลง และน่าจะหันมาใช้จอรีเฟรชเรทสูงๆ เหมือนฝั่ง Android และ iPad Pro แล้ว โดยใน iPhone 13 ทั้ง 4 รุ่น อาจจะมากับหน้าจอรีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz และจะมาพร้อมกับเทคโนโลยี LTPO OLED ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่มือถือเรือธงจากฝั่ง Android

แต่ข้อเสียของจอ LTPO ก็คือ ขั้นตอนการผลิตมันจะยุ่งยากและซับซ้อนกว่าจอทั่วไปมาก ๆ แน่นอนว่าต้นทุนการผลิตก็สูงขึ้นตาม ส่งผลให้แผนก A3 ที่ได้รับหน้าที่ผลิตจอ LTPO OLED ให้ Apple นั้น จะมีแรงผลิตได้เพียงแค่ 70,000 พาแนลต่อเดือน (ปกติจะผลิตจอแบบ LTPS ได้ 100,000 พาแนลต่อเดือน)

 

iPhone 13 จะยังใช้พอร์ต LIGHTNING เหมือนเดิม

ใครกำลังรอลุ้นให้ Apple หันมาใช้พอร์ต USB-C กับ iPhone หรือตัดพอร์ตทิ้งให้หมด แล้วดันให้การชาร์จไร้สาย (Wireless Charging) แทน อาจจะต้อผิดหวังเหมือนเดิมครับในรอบนี้ เพราะ Ming บอกว่า Apple อาจจะยึดติดกับพอร์ต Lightning ต่อไปยาวๆ 

นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมอีกว่า iPhone รุ่นไร้พอร์ตที่มีข่าวลือว่าอาจจะมีเปิดตัว ตรงนี้ก็อาจจะต้องรอต่อไป เพราะทาง Apple เองยังไม่เชื่อว่า MagSafe สามารถใช้งานแทนการชาร์จแบบปกติทั่วไปครับ

 

อัปเกรดโมเด็มมาใช้ SNAPDRAGON X60

iPhone 13 ทั้ง 4 รุ่น จะเปลี่ยนมาใช้โมเด็มตัวใหม่ของ Qualcomm อย่าง Snapdragon X60 (iPhone 12 รุ่นก่อนใช้ X55) ซึ่งสเปคและฟีเจอร์น่าจะได้รับอัปเกรดขึ้นมาเกือบเท่าตัว โดยก่อนหน้านี้ ผู้ก่อตั้ง HUAWEI เคยออกมาบอกว่า iPhone 12 คือมือถือ 5G ที่ดีที่สุด แต่การที่ iPhone 13 เลือกจะใช้ X60 ความเทพในเรื่อง 5G ของ iPhone 12 ก็สั่นคลอนอยู่ไม่น้อยครับ

 

iPhone 13 ใช้กันสั่นแบบ SENSOR-SHIFT ทุกรุ่น รวมถึงแบบ LIDAR ด้วย

สำหรับระบบกันสั่นแบบ Sensor-Shift ถือว่าเป็นจุดขายหลักๆ ของ iPhone 12 Pro Max  เพราะประสิทธิภาพของมันจัดว่าดีกว่าระบบกันสั่นแบบปกติทั้ง OIS และ EIS อยู่หลายเท่าตัวเลยทีเดียว โดยมีการลือกันว่าระบบกันสั่นชนิดนี้ จะถูกใส่เอาไว้ใน iPhone 13 ทั้ง 4 รุ่น แต่ LIDAR จะมีแค่ในรุ่น Pro และ Pro Max ครับ

ทั้งหมดนี้คือข่าวลือคาดการณ์สเปคต่างๆ ของ iPhone 13 จากหลายๆ สำนัก แม้ตอนนี้จะยังไม่มีข้อมูลที่ออกมาแน่นอน 100% แต่คาดว่าใกล้ๆ วันเปิดตัวจริงๆ ก็คงมีสเปคหลุดออกมาให้เราได้ติดตามกันเพิ่มขึ้นครับ 

 

สำหรับใครที่ตั้งใจจะซื้อ iPhone 13 แน่ๆ แล้ว เตรียมพรีออเดอร์กระจกกันรอยกันไว้ล่วงหน้า เร็วๆ นี้ ที่เว็บไซต์ focusshield.com นะครับ

สินค้าที่เกี่ยวข้อง