ฟิล์มโฟกัส ฟิล์มกระจกกันรอย Focus Film

Realme 8 vs Realme 8 5G คู่หูดีไซน์ล้ำ กล้องคมชัด เร็วไร้ขีดจำกัด ในราคาไม่ถึงหมื่น

Realme 8 Series ได้ออกมาสองรุ่นนี้ก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจทั้งคู่ครับ แถมยังราคาต่างกันแค่ 1,000 มาทำความรู้จักกับ Realme 8 Series ไปพร้อมๆ กันเลย

Realme 8 / Realme 8 5G คู่หูดีไซน์ล้ำ กล้องคมชัด เร็วไร้ขีดจำกัด ชิป Dimansity 700 รุ่นแรกในราคาไม่ถึงหมื่น !!

เมื่อปี 2020 ค่าย Realme ได้ทำการเปิดตัว Realme 7 Series ออกมา สร้างความฮือฮากับสเปคที่โดดเด่นที่สุดในตลาดสมาร์ทโฟนกันไปแล้ว ในปีนี้ก็ได้ปล่อยมือถือดีไซน์สุดล้ำ ชิพเซ็ตแรง แถมเกาะกระแสเทรนด์ 5G เอาใจคนรักเทคโนโลยีแบบสุดๆ กับ Realme 8 Series ที่ได้ออกมาถึงสองรุ่นด้วยกัน ได้แก่ Realme 8 และ Realme 8 5G 

สองรุ่นนี้ก็มีจุดเด่นที่แต่น่าสนใจทั้งคู่ครับ แถมยังราคาต่างกันแค่ 1,000 มาทำความรู้จักกับ Realme 8 Series ไปพร้อมๆ กันเลย!

 

Realme 8 5G ชิปเซ็ตตัวใหม่ สู่ “ความเร็วไร้ขีดจำกัด”

สเปคโดยรวม Realme 8 5G

  • ราคาเปิดตัว 9,999 บาท
  • จอแสดงผล 90Hz Ultra Smooth Display ขนาด 6.5 นิ้ว ขนาดบอดี้ 162.5 x 74.8 x 8.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 185 กรัม
  • สแกนนิ้วด้านข้าง Side-Mounted Fingerprint Scanner
  • ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 700 5G
  • ความจำ RAM 6GB / 8GB แบบ LPDDR4x ความจุในตัว 64GB / 128GB แบบ UFS 2.1 รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 1TB
  • กล้องหลัง 48MP Nightscape Camera
  • กล้องหน้า 16MP AI Beauty Selfie Camera
  • การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz), Bluetooth 5.1, USB Type-C, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร 
  • เซ็นเซอร์ Magnetic Induction Sensor, Light Sensor, Proximity Sensor, Gyro-meter, Acceleration Sensor
  • ระบบนำทาง GPS, AGPS, GLONASS, BeiDou, Galileo, QZSS
  • ระบบปฏิบัติการ realme UI 2.0 บนพื้นฐาน Android 11
  • แบตเตอรี่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 18W Quick Charge

Realme 8 5G มีจุดเด่นอยู่ที่การรองรับเครือข่าย 5G ชิปประมวลผลระดับ 7 นาโนเมตร รองรับการใช้งานยาวนานเป็นพิเศษด้วยโหมด Smart 5G Power Saving ความจุแบตเตอรี่ 5000mAh และจอแสดงผล 90Hz Ultra Smooth Display ขนาด 6.5 นิ้ว

 

การออกแบบ/ลักษณะภายนอกตัวเครื่อง

Realme 8 5G ได้รับการออกแบบมาให้มีความบาง 8.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 185 กรัม แอดลองถือให้ความรู้สึกที่ไม่เบาและไม่หนักจนเกินไป จับกระชับมือ ใช้งานมือเดียวได้ถนัดดีครับ

ด้านหลังโดดเด่นด้วยเอฟเฟกต์สะท้อนแสง Dynamic Speed Light มาจากเส้นแสงไฟหน้ารถที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง ใช้กระบวนการรูปแบบ Lenticular เพื่อนำเสนอเอฟเฟกต์กระจกเงาระดับพรีเมี่ยม ที่แบรนด์เค้าได้เคลมไว้ครับ ว่าได้แรงบรรดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่อง Fast and Furious ! สีที่แอดนำมารีวิววันนี้ มีชื่อว่า Supersonic Black เท่ สุขุม ลงตัว เล่นแสงดีมากๆ

มาพร้อมระบบกล้องหลัง 3 ตัว 48MP AI Camera จัดวางแบบตาราง 2 x 2 โดยตำแหน่งมุมบนขวามือไม่ใช่เลนส์กล้องนะครับ แต่เป็นสัญลักษณ์ AI ซึ่งทำออกมาได้แนบเนียน ดูเผินๆแล้วเหมือนมีกล้องอยู่จริงๆ ไม่หลอกตา ด้านข้างมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ เป็นระบบการสแกนนิ้วที่เป็นที่นิยมมากๆ ในตอนนี้ ด้วยความสะดวก และความรวดเร็วในการปลดล็อกที่มากกว่าแบบสแกนบนหน้าจอ ซึ่งทาง Realme ก็ได้เคลมไว้อีกว่า สามารถปลดล็อกได้ไว ใน 0.03 วินาที เท่านั้น

นอกจากความสวยงาม Realme ยังใส่ใจในคุณภาพการผลิตด้วยเทคนิคพิเศษกับกระบวนการ Microcrack หล่อขอบตัวเครื่อง ช่วยให้วัสดุยืดหยุ่น ขอบข้างไร้รอยต่อช่วย และเพิ่มความแข็งแรง ลดความเสี่ยงของหน้าจอแตก และกันน้ำเข้าตัวเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือเสริมการป้องกันไปอีกชั้นด้วย “ FOCUS กระจกกันแบบใส เต็มจอ สำหรับ Realme 8 5G”

สั่งซื้อ https://focusshield.com/shop/product/focus-tg-ff-realme-8-5g-black/

 

หน้าจอ

Realme 8 5G มาพร้อมจอแสดงผล 90Hz Ultra Smooth Display ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 90Hz อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 180Hz มอบประสบการณ์การรับชมที่ราบรื่น โดยมีความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.5 นิ้ว แสดงสีสัน 16.7 ล้านสี และให้ความสว่างสูงสุด 600 nits

แอดได้ทดลองใช้งานโดยการเปิดคอนเทนต์แบบวิดีโอ หน้าจอให้สีสันคมชัดในระดับดี สามารถย่อและขยายวิดีโอให้เต็มจอได้โดยใช้สองนิ้วกางหน้าจอออก

ด้านความไวในการตอบสนองการสัมผัสของหน้าจอ สั่งงานได้ไวในระดับดีครับ แต่อาจมีหน่วงเล็กน้อยหากเลื่อนฟีดด้วยความเร็ว หรือฟีดที่มีรูปภาพเยอะๆ เช่นการเลื่อนฟีดใน instagram หรือ facebook 

 

หน่วยประมวลผล

Realme 8 5G ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 700 5G ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร ประกอบด้วยซีพียูแบบ Octa Core ที่มีคอร์ขนาดใหญ่ Arm Cortex-A76 ความเร็วสูงสุด 2.2GHz กับ Arm Cortex-A55 ความเร็วสูงสุด 2GHz

ชิป Dimensity 700 ยังมาพร้อมจีพียู Arm Mali-G57 MC2 ความเร็วสูงสุด 950MHz และเมื่อเล่นเกมบนจอแสดงผล 90Hz Ultra Smooth ของ realme 8 5G ก็ยิ่งทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมลื่นไหลมายิ่งขึ้น

ด้านความจำใช้ RAM แบบ LPDDR4x dual-channel สูงสุด 8GB พื้นที่ความจำภายในสูงสุด 128GB แบบ UFS 2.1 และสนับสนุนการ์ด MicroSD รองรับความจุสูงสุด 1TB

แนะนำใช้เป็นซิมการ์ดที่รองรับ 5G และอยู่ในพื้นที่ที่รองรับสัญญาณ 5G เพื่อการใช้สัญญาณ 5G ที่เสถียรยิ่งขึ้นครับ

แอดทดสอบโดยการเล่นเกมที่มีค่ากราฟิกสูง พบว่าสามารถรองรับกราฟิกในเกมได้ถึงระดับ HD เล่นมีความหน่วงค่อนข้างน้อย ให้ความคมชัดของกราฟิกดีมาก ก่อนเข้าเกม บริเวณมุมบนซ้ายมือ จะขึ้นฟังก์ชั่นที่เรียกว่า Game Space  มาให้เราจัดการพื้นที่ และปรับตั้งค่าการแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ให้ขึ้นมารบกวนเวลาเราเล่นเกมนั่นเองครับ เรื่องเล่นเราจริงจัง!

 

กล้องถ่ายรูป

กล้องหลัง

ระบบกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยกล้องถ่ายภาพระยะใกล้ และกล้องถ่ายภาพบุคคล โดยกล้องแต่ละตัวให้รายละเอียดแตกต่างกันดังนี้ครับ

  • กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ประกอบด้วยเลนส์ 6P มุมมองกว้าง 80 องศา
  • กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 มุมมองกว้าง 89 องศา รองรับการถ่ายภาพในระยะใกล้ 4 เซนติเมตร
  • กล้อง B&W Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 มุมมองกว้าง 89 องศา มีฟิลเตอร์สีใหม่ช่วยให้เลนส์ถ่ายภาพบุคคลสามารถตรวจจับแสงได้กว้างขึ้น เหมาะสำหรับสร้างภาพถ่าย Portrait สไตล์ย้อนยุค

กล้องหลังของ Realme 8 5G รองรับฟีเจอร์ Nightscape ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืน รักษาระดับแสงได้ดี ยังสามารถแสงในที่มืดเพื่อให้รายละเอียดชัดเจน

มี AI อัจฉริยะช่วยในการปรับแต่งฉากหลังอัตโนมัติ เลือกเปิดได้ที่แถบด้านบน เมื่อเปิดโหมด AI แล้วพบว่าสีสันของฉากหลังภาพดูสดใสขึ้น ภาพถ่ายดูมีมิติขึ้นครับ 

หากอยากได้ภาพความละเอียดสูง ก็สามารถเลือกโหมดความละเอียด 48MP เพื่อเก็บรายละเอียดของภาพให้มากขึ้นได้เช่นกัน อีกทั้งยังมีโหมดถ่ายภาพ Pro Mode, Panorama, Portrait, Super Text, AI Scan, Super Macro และ Video ซึ่งสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080P ที่ 30 เฟรมต่อวินาที มีโหมดกันสั่นมาให้ พร้อมรองรับโหมด Time-lapse และ Slow Motion ความละเอียด 720P ที่ 120 เฟรมต่อวินาที

 

กล้องหน้า

กล้องหน้าของ realme 8 5G ถูกซ่อนไว้ในหลุมบนหน้าจอ ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.1 ประกอบด้วยเลนส์ 5P รองรับโหมดถ่ายภาพ AI Beauty ที่มาพร้อมอัลกอริทึมความงามใหม่ล่าสุด พัฒนาขึ้นมาสำหรับการถ่ายภาพใบหน้าทุกเพศ ซึ่งมีสภาพผิวและรูปทรงใบหน้าที่แตกต่างกัน ช่วยให้ภาพถ่ายเซลฟี่ดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

กล้องหน้ายังรองรับโหมดถ่ายภาพ Portrait ถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลายด้วยเอฟเฟกต์โบเก้, โหมด Nightscape สำหรับถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อย และสามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 1080P ที่ 30 เฟรมต่อวินาที พร้อมรองรับโหมด Time-lapse

ความพิเศษอยู่ที่จะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า และตรวจจับการเคลื่อนไหวของเราครับ ไม่ว่าจะเคลื่อนที่ไปมุมไหน ก็จะได้ภาพเซลฟี่ที่สวยงาม คมชัด สกินโทนออกทางธรรมชาติใกล้เคียงกับสีผิวจริง ไม่หลอกตา ใช้งานได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงครับ

 

แบตเตอรี่

Realme 8 5G รองรับชาร์จเร็ว 18W โดยมีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ให้อายุการใช้งานยาวนาน 529 ชั่วโมง (ราว 22 วัน) สำหรับการสแตนด์บาย, สนทนานานสูงสุด 31 ชั่วโมง, ฟังเพลงนาน 153 ชั่วโมง และดูวิดีโอนานสูงสุด 21 ชั่วโมง

ถึงแม้การใช้งานบนเครือข่าย 5G อาจส่งผลให้แบตเตอรี่ของ Realme 8 5G หมดเร็วกว่าสมาร์ทโฟน 4G แต่ทาง Realme ก็หาทางแก้ไขไว้แล้วครับ ด้วยการเพิ่มเทคโนโลยี Smart 5G สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมของสัญญาณโดยรอบได้และจะสลับการใช้งานระหว่าง 4G และ 5G อย่างอัตโนมัติ ซึ่งใช้พลังงานน้อยกว่า 30% เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนที่ไม่มี Smart 5G

 


 

Realme 8  กล้องสวยชัด “เก็บภาพไม่มีที่สิ้นสุด”

 

สเปคโดยรวม Realme 8  

  • ราคาเปิดตัว 8,999 บาท
  • จอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ขนาดบอดี้ 160.6 x 73.9 x 7.99 มิลลิเมตร น้ำหนัก 177 กรัม
  • สแกนนิ้วบนหน้าจอ Ultra-fast In-display Fingerprint Sensor
  • ชิปประมวลผล MediaTek Helio G95
  • ความจำ RAM 4GB / 8GB แบบ LPDDR4x ความจุในตัว 128GB แบบ UFS 2.1 รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 256GB
  • กล้องหลัง 64MP AI Quad Camera
  • กล้องหน้า 16MP In-display Selfie Camera
  • การเชื่อมต่อ 4G, Wi-Fi, Bluetooth, USB Type-C, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร 
  • เซ็นเซอร์ Light sensor, Proximity sensor, Magnetic induction sensor, Acceleration sensor, Gyro-meter sensor
  • ระบบนำทาง GPS, AGPS, GLONASS, BeiDou, Galileo 
  • ระบบปฏิบัติการ realme UI 2.0 บนพื้นฐาน Android 11
  • แบตเตอรี่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 30W Dart Charge

Realme 8 มาพร้อมสโลแกน “เก็บภาพไม่มีที่สิ้นสุด” ซึ่งควาหมายตรงตัวก็คือมีความโดดเด่นด้านการถ่ายภาพนั่นเองครับ เพราะเค้าให้กล้องมาด้วยความละเอียดสูง 64MP AI Quad Camera ตอบสนองการทำงานด้วยชิปประมวลผล MediaTek Helio G95 ใช้จอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30W Dart Charge แบตเตอรี่ก้อนใหญ่ 5000mAh

 

การออกแบบ/ลักษณะภายนอกตัวเครื่อง

Realme 8 (4G) ที่ด้านหน้าจะคล้ายกันกับรุ่น 5G เลยครับ แต่จะมีความบางมากกว่าเล็กน้อย และการสแกนิ้วจะอยู่บนหน้าจอแทน สีที่หยิบมารีวิววันนี้ ชื่อสีว่า Cyber Black ดีไซน์ด้านหลังได้รับแรงบันดาลใจมาจากความเป็นยุคดิจิตอลและความล้ำสมัย ทำให้พื้นผิวถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยมีแถบคาดสโลแกน Dare to Leap ของ realme ซึ่งมีเอฟเฟกต์สีรุ้งบนพื้นผิว ขณะที่อีกส่วนจะมีพื้นผิวด้านกว่า ถือเป็นลูกเล่นที่สร้างจุดเด่นในการใช้งานมากๆ เลยครับ ถือแล้วรู้สึกเป็นคนจากโลกนาคตขึ้นมาทันที

กล้องหลังของรุ่นนี้ให้ 4 ตัวเต็ม จัดวางแบบตาราง 2 x 2 ไว้ในกรอบสี่เหลี่ยม ถัดลงมาติดแฟลช LED ไว้หน้าข้อความ 64MP Quad Camera

 

หน้าจอ

Realme 8 มาพร้อมจอแสดงผล Super AMOLED มีความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้ว ความหนาแนบพิกเซล 409 PPI ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้ 90.8% และให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 180Hz 

แม้จะถูกตัดค่ารีเฟรชเรท 90Hz ออกไป (เป็นค่ามาตรฐานที่ 60Hz) แต่ก็ยังมีข้อดีเรื่องของหน้าจอ Super AMOLED ที่วางใจในเรื่องสีสันสดใสคมชัดได้เลยครับ สายรับชมคอนเทนต์ ดูหนัง เล่นไอจี สีไม่มีเพี้ยน นอกจากนี้จอแสดงผลยังให้ความสว่างสูงสุด 1000 nits สามารถมองเห็นหน้าจอได้อย่างชัดเจนแม้ใช้งานในบริเวณที่มีแสงแดดจัด รองรับโหมดป้องกันดวงตา ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพื่อการทัชที่สมูทยิ่งกว่า แอดขอแนะนำ “กระจกกันรอยเต็มจอ แบบใส สำหรับ Realme 8” 

สั่งซื้อได้ที่ https://focusshield.com/shop/product/focus-tg-ff-realme-8-black/

 

ชิปเซ็ต/หน่วยประมวลผล

Realme 8 เลือกใช้ชิปประมวลผล MediaTek Helio G95 ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ ถูกสร้างบนกระบวนการผลิต 12 นาโนเมตร ประกอบด้วย Cortex-A76 แบบ 2-Core ความเร็วสูงสุด 2.05GHz และ Cortex-A55 แบบ 6-Core ความเร็วสูงสุด 2GHz พร้อมด้วยจีพียู Mali-G76 MC4 900MHz

พร้อมติดตั้งระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวทองแดงขั้นสูง ให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นเพิ่มขึ้น 14.4% เล่นเกมโหดแค่ไหนเครื่องก็ไม่ร้อน (แต่หัวยังร้อนอยู่นะ)

ด้านความจำใช้ RAM แบบ LPDDR4x dual-channel สูงสุด 8GB พื้นที่ความจำภายใน 128GB แบบ UFS 2.1 และสนับสนุนการ์ด MicroSD รองรับความจุสูงสุด 256GB

แอดได้ทดลองเล่นเกมเดียวกันกับรุ่น 5G พบว่ารองรับได้ถึง HD เช่นเดียวกันครับ โดดเด่นเรื่องสีสันและความคมชัดมากกว่า แต่จะมีความหน่วงอย่างเห็นได้ชัดกว่าเมื่อเทียบกับ 5G ตัวนี้เหมาะกับการเล่นเกมที่ค่ากราฟิกระดับต่ำถึงกลาง จะไหลลื่นมากกว่าครับ

 

กล้องถ่ายรูป

กล้องหลัง

ระบบกล้องหลังถือเป็นจุดเด่นของ realme 8 โดยมาพร้อมระบบกล้องหลัง 4 ตัว 64MP AI Quad Camera ครบทุกระยะ  ประกอบด้วยกล้องหลัก, กล้องสำหรับถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษ, กล้องถ่ายภาพระยะใกล้ และ กล้องช่วยถ่ายภาพบุคคล โดยกล้องแต่ละตัวมีรายละเอียดแตกต่างกันดังนี้ครับ

  • กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79 ประกอบด้วยเลนส์ 6P ระบบโฟกัส PDAF รองรับ Quad Bayer ขนาดพิกเซลสูงสุด 1.4 ไมครอน ทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยออกมาสว่างมากขึ้น
  • กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.25 ประกอบด้วยเลนส์ 5P ให้มุมมองกว้าง 119 องศา
  • กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 รองรับการถ่ายภาพในระยะใกล้สุดเพียง 4 เซนติเมตร
  • กล้อง B&W ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 

รองรับฟีเจอร์ Starry Mode, Tilt-shift, Neon Portrait, Dynamic Bokeh, AI Colour Portrait, Super Nightscape, Panoramic View, Expert, Time-lapse, Portrait Mode, HDR, Ultra Wide, Ultra Macro, AI Scene Recognition, AI Beauty, Filter, Chroma Boost และ Bokeh Effect Control

เยอะแยะจนตาลาย สมกับสโลแกน “เก็บภาพไม่มีสิ้นสุด” จริงๆ ครับ แอดมินได้ทดลองถ่ายภาพมาให้ชมกันบางส่วน ที่ด้านล่างนี้เลย

การถ่ายวิดีโอจากกล้องหลัง รองรับความละเอียดสูงสุด 4K 30 เฟรมต่อวินาที หรือ 1080P ที่ 60 เฟรมต่อวินาที มีจุดเด่นที่โหมด Dual-view Video สามารถใช้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังถ่ายวิดีโอได้พร้อมกัน และรองรับโหมด Slow Motion ความละเอียด 1080P ที่ 120 เฟรมต่อวินาที โดยมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว UIS และ UIS Max Video Stabilization

 

กล้องหน้า

Realme 8 ซ่อนกล้องหน้าไว้ในหลุมที่มุมบนหน้าจอ มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกับรุ่น 5G ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471 รูรับแสง f/2.45 ประกอบด้วยเลนส์ 5P

กล้องหน้ารองรับฟีเจอร์ Portrait Mode สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลาย, Super Nightscape สำหรับถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืน และ AI Beauty Mode ปรับใบหน้าให้ดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถถ่ายวิดีโอสูงสุด 1080P ที่ 30 เฟรมต่อวินาที

ในส่วนของกล้องหน้า Realme 8 โดยส่วนตัวแล้วแอดชอบมากกว่ารุ่น 5G ครับ เพราะให้สีสันที่ดูมีชีวิตชีวามากกว่า สกินโทนทำออกมาได้ดี ไม่ซีดจนเกินไป และไม่อมชมพูจนเกินไป ถ่ายในแสงธรรมชาติ ได้อันเดอร์โทนผิวที่สวยมากๆ ครับ

 

แบตเตอรี่

Realme 8 ก็มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ให้อายุการใช้งานยาวนาน 952 ชั่วโมง (เกือบ 40 วัน) สำหรับการสแตนด์บาย, สนทนานานสูงสุด 43 ชั่วโมง, ฟังเพลงนาน 98 ชั่วโมง, ดูวิดีโอบน YouTube นานสูงสุด 23 ชั่วโมง และ เล่นเกมนานต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง ที่เจ๋งกว่านั้นคือ มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30W Dart Charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 0 – 50% โดยใช้เวลาเพียง 26 นาที หรือชาร์จจนเต็ม 100% ในเวลาเพียง 65 นาที เพิ่มความปลอดภัยในระหว่างชาร์จแบตเตอรี่ ด้วยการป้องกันความปลอดภัย 5 ชั้น และได้รับการป้องกันความปลอดภัยระดับฮาร์ดแวร์สำหรับกระบวนการชาร์จทั้งหมด

 

สรุปจุดเด่น Realme 8 5G

  • หน้าจอกว้างขนาด 6.5 นิ้ว
  • ค่ารีเฟรชเรทสูง 90Hz
  • รองรับสัญญาณเครือข่าย 5G
  • สเปคแรงมาก ด้วยชิพเซ็ต Dimansity 700
  • แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000 mAh รองรับชาร์จไว 18W
  • กล้อง AI 3 ตัว ความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซล
  • มีหน่วยความจำขนาดใหญ่มาก ทำให้การใช้งานไหลลื่น เล่นเกมไม่กระตุก
  • ตัวเครื่องแข็งแรงกว่าเมื่อเทียบกับรุ่น 4G + กันน้ำ

 

สรุปจุดเด่น Realme 8

  • หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ให้สีสันคมชัดมาก
  • กล้องหลัง AI 4 ตัว ความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล มีเลนส์ครบทุกระยะ เหมาะกับการถ่ายภาพทุกรูปแบบ
  • รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 4K
  • แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000 mAh รองรับ 30W Dart Charge 

 

ถ้ายังไม่จุใจ สามารถรับชมฟีเจอร์อื่นๆ ได้ในรูปแบบของ VDO ที่ด้านล่างนี้เลยครับ

 

 

 

สินค้าที่เกี่ยวข้อง